ออกแบบ ชุดออกกำลังกาย และ ชุดว่ายน้ำ อย่างไร ถ้าไม่เคยออกแบบเลยต้องทำอย่างไร เกร็ดเล็กๆน้อยๆขั้นพื้นฐานนะคะ รวมไปถึงวิธีหาแรงบันดาลใจของคุณได้ที่ไหน การรู้กลุ่มเป้าหมายของคุณนี้ จะบอกทิศทางคุณได้
พี่คะ หนูไม่เคยเรียนแฟชั่นเลย หนูจะสามารถ ออกแบบ ชุดออกกำลังกาย และ ชุดว่ายน้ำ ได้มั้ยคะ? โหเป็นคำถามที่แบบ คำถามแรกที่เรารู้สึกว่า เฮ้ย มีคนสนใจด้วยอ่ะ ในการที่จะออกแบบทำ ผลิตของอะไรแบบนี้ ง่ายๆเลยนะคะ เจ้นไม่ได้เป็นคนที่เรียนมาด้านนี้โดยตรง แต่ เจ้นเห็นคนที่ประสบความสำเร็จหลายคนไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนด้านนี้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าเรียน มันก็เป็นผลดีอยู่แล้ว เรื่องที่เจ้นอยากจะเอามาแชร์ ตอนแรกที่เริ่มทำ ไม่ได้ไปเรียนอะไรเพิ่มเติมมามากมายนะคะ เพียงแต่ว่าเราหาในสิ่งที่เราชอบ และ เราทำออกมา แล้วไปสื่อสารกับโรงงาน ไปสื่อสารกับคนทำได้หรือเปล่า แค่นั้นเอง หลักๆ
ถ้าอยากจะเริ่มต้นนะคะ ง่ายๆ
1. ต้องรู้ว่าสไตล์ของตัวเองเป็นยังไง
จริงๆการผลิตของมันเริ่มมาจาก 2 สิ่งนะ หลักๆที่เจ้นคิดเลย อย่างแรกคือเกิดจาก ความชอบ ความรักของเรา เฮ้ย เราชอบแบบนี้ เราอยากทำแบบนี้ เราอยากใส่แบบนี้ อันนี้คือหนึ่งส่วน อีกหนึ่งส่วนคือ ปัญหา ปัญหาที่แบบ เฮ้ยเราเจอปัญหาแบบนี้ แล้วเราอยากจะแก้ไขมัน เราอยากจะทำให้มันดีขึ้น ทำยังไงที่จะ Serve คนกลุ่มนี้ ตรงนี้ในตลาดมันยังขาดอยู่ ทำยังไง อันนั้นก็คืออีกส่วนนึงเนอะ อันนี้คือเราจะรู้ว่าดีไซน์ สไตล์ของเราจะเป็นยังไง
2. วิธีการหา Reference
มันบอกไม่ได้เลย มันเยอะมากนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็น inspiration ของเราได้หมด อย่างสำหรับตัวเจ้นเอง เจ้นชอบไปท่องเที่ยว การที่เราไปเที่ยวแล้วเราไปเห็น โน่น นี่ นั่น โน่น สิ่งต่างๆ แล้วเราแบบ เฮ้ย มันน่าสนใจ ถ่ายรูปกลับมา แล้วเอากลับมาเป็น inspiration หรือ การเริ่มจาก Art การที่เราไปดู Art การที่เราไปดูภาพ ภาพถ่ายนะคะ ไม่ว่าจะเป้น ตามเวปไซด์ ตามที่ต่างๆ Art Gallery หรือ อะไรอย่างนี้ หรือ เราอาจจะไปเจอ Subject หรือ สิ่งของบางสิ่งบางอย่าง วันนี้เจ้นจะมายกตัวอย่างให้ดู เช่น มีครั้งนึงเจ้นไปเห็นตุ้มหูอันนี้ มันมีหินอยู่ด้านในใช่มั้ย เจ้นก็รู็สึก เฮ้ย อันนี้มันแบบ แปลกดีเนอะ เค้าเรียกว่า Titanium quartz เจ้นก็ดู เออมันน่าที่จะเอามาแบบ ลองจากไอเดียเจ้นอ่ะนะ เจ้นก็ลองคิดดู ถ้าเราเอามาติดกับชุดมันจะเป็นยังไง มันออกมาเป็นอย่างงี้
TADA!!!
คือมันเป็นแค่ไอเดียละเรา Develop มันออกมา จนมันเป็นลักษณะเป็นชุดอย่างนี้ กางเกงเป็นแบบนี้
คือสิ่งที่เจ้นอยากจะพูดคือ เราหาทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นไอเดีย ที่จะเป็นแรงบันดาลใจในการที่จะผลิตของ ได้หมดทุกอย่างเลยนะคะ ไม่จำกัดเลย
3. เราสามารถที่จะดูว่าเทรนไหน ที่มันกำลังมา หรือ มันกำลังไป
เราสามารถหาข้อมูลได้จาก Trade Show ต่างๆ การที่เราไปงาน Trade ต่างประเทศเนี่ย มันทำให้เราเห็นว่า คนส่วนใหญ่ เค้าไปกันถึงไหนแล้ว เช่น การที่เค้านำเสนอเรื่อง Mega Trend ในที่นี้ก็อาจจะเป็น ถ้าเป็นชุดออกกำลังกาย ชุดว่ายน้ำ มันจะเป็นในลักษณะ การใส่ชุดออกกำลังกายไปข้างนอก เค้าเรียกว่า Athleisure คือใส่แบบเดินแฟชั่น เป้นเหมือนชุดเสื้อผ้าแฟชั่นธรรมดาอะไรอย่างงี้นะคะ หรือ Mega Trend เกี่ยวกับเรื่อง สิ่งแวดล้อม คือแบบการใช้วัสดุที่เป็น Sustainable คือการใช้วัสดุที่เป็นแบบรีไซเคิล หรือ อะไรอย่างงี้ก็คือ Mega Trend หลักๆ เราอาจจะออกแบบจากตรงนั้นก็ได้
4. พวกสื่อต่างๆ
สื่อออนไลน์ นิตยสาร เวปไซด์ ยูทูป คือตอนนี้มันเปิดกว้างมาก ทุกคนเข้าไปหารายละเอียดเรื่องพวกนี้ได้หมดเลยนะคะ เพื่อเอามาเป็น Inspiration ของเรา
สิ่งที่เจ้นอยากจะพูดก็คือ Don’t limit your imagination คือเราไม่ควรที่จะ limit จินตนาการของเรา คือเรามีเท่าไหร่ เราก็ลองใส่ไป แล้วก็ลองทำไปให้รู้ว่าทำออกมาแล้วมันเป็นยังไง การที่เราทำมันอาจจะถูก มันอาจจะผิด มันไม่สำคัญตรงนั้น ในความคิดเจ้นนะ การที่เราเริ่มผลิตออกมาแล้ว แล้วเรารู้ว่า เฮ้ยอันนี้ มันออกมาแล้วมันขายได้ หรือ อันนี้ออกมาแล้วมันมีต้องแก้ไขนะ มันคือสิ่งที่การผิดพลาด คือการพัฒนา สำหรับความคิดเจ้นนะ และ เจ้นก็เชื่อมั่นว่า ไม่มีใครไม่เคยทำพลาด หรือไม่มีใครไม่เคยทำผิด แต่อยากให้ทดลองออกมาก่อน พยายามคิดนอกกรอบ อย่างมีบางคนที่เข้ามาปรึกษาเจ้น เออ อยากทำโดยที่ไปหาผ้ามา แล้วเราก็ช่วยน้องคิด เราต้องมาแสกนผ้าเผื่อที่จะออกไปทำลาย อยู่บนลายเสื้อ อย่างงี้นะคะ ก็คือมันมีการ Develop ผลงานทำให้งานมันเกิดการพัฒนา ถ้าเราติดอยู่แบบเดิมๆ เราคิดแค่แบบนี้ทำได้ขายได้งานเราจะไม่มีทางพัฒนาเลย เราต้องมีการพลาดกันบ้าง หรือ เราต้องมีการทดลองแปลกๆใหม่ๆไปบ้างนะคะ ผสมผสานกันในหนึ่งคอเลกชั่น
5. การทำ Mood Board
หลังจากที่เรารวบรวม Reference ทุกสิ่งทุกอย่างมาหมดแล้วเราก็ควรที่จะเอาสิ่งพวกนั้นมารวม เป็นมาสเตอร์พีซของเรา เป็นการที่จะรวบรวมว่าความคิดเรา พอมันรวมอยู่ในที่เดียวกันแล้วเนี่ยมันเป็นยังไง เราได้เห็น Mood and Tone ว่าออกมาแล้วเนี่ย มันจะเป็นยังไง การที่แบบมี ดีเทลของการตัดเย็บผสมลงไปด้วย การทำ ระบาย การทำ นี้ นั้น โน้น ใส่เข้ามาใน Mood Board ของเรา เราได้เห็นภาพว่า เออ ออกมาแล้วมันจะเป็นลักษณะแบบนี้นะอะไรอย่างงี้นะคะ
ละก็ ข้อสุดท้าย พอเราได้ทุกอย่างแล้ว สิ่งหลักๆเลยคือ
6. วิธีการสื่อสาร
การที่เราจะไปสื่อสารกับคนที่จะทำของให้เรา โรงงาน หรือ อะไรก็ตาม เราต้องรู้ Technical term ซึ่งตัวมันมีของมันอยู่แล้วนะตายตัว และก็มีภาษาที่เค้าใช้กันอยู่ในวงการอะไรแบบนี้อยู่แล้วนะคะ เราอาจจะต้องรู้ว่า จักรโพ้งเย็บออกมาแล้วเป็นยังไง เข็มคู่ เข็มเดี่ยว เป็นยังไง หรือ จักรซิกแซก เย็บออกมาแล้วเป็นยังไง หรือการทำ Seamless Stitching คือการไม่มีด้ายเย็บ คือวิธีการเย็บที่แบบเหมือนซ่อนด้ายเข้าไปมันเป็นยังไง ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างเจ้นอยากให้ พี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคน ที่มีความอยากที่จะทำให้มีความมั่นใจ อย่าไปคิดว่าของสิ่งนั้นอ่ะ เราทำออกมาแล้วมันจะไม่มีคนซื้อ ให้คิดว่าอย่างน้อย เราได้ทำในสิ่งที่เราคิดออกมา มันก็เป็นเสตปนึงที่ทำให้เรา ก้าวไปเพื่อที่จะทำให้เราพัฒนาต่อไปได้นะคะ ขอให้ทุกคน ออกมาจากความกลัวตรงนั้น และ ก็ขอให้พัฒนางานตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีกนะคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ บ๊ายบายยย…..